เขาบอกว่า ไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางค่อนไปหารายได้สูง เลยจะไม่รับวัคซีนฟรีจาก COVAX เหมือนประเทศยากจน อย่างเขมรลาวพม่า และการเข้า COVAX มันต้องเอาเงินไปร่วมลงขัน และไม่รู้จะได้วัคซีนของบริษัทไหน ไทยเลยไม่เข้าร่วม และการเข้าร่วมจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX อาจจะราคาสูงกว่าหาซื้อเองโดยตรง
เห็นแบบนี้แล้วเหมือนดูดี และเหมือนประเทศไทยและรัฐบาลประยุทธ์ฉลาดที่สุดในโลกอยู่ประเทศเดียว
เพราะในการจัดหาวัคซีนแบบ COVAX มีประเทศรายได้สูงกว่าประเทศไทยเข้าร่วมกว่า 64ประเทศ 
ซึ่งใน 64 ประเทศนั้นมีทั้งอังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส
ท่านว่าประเทศเหล่านี้ โง่กว่ารัฐบาลประยุทธ์ไหม ทำไมเขาถึงเข้าร่วม COVAX
และที่บอกว่า ประเทศที่รายได้ปานกลางแบบไทยต้องจ่ายค่าวัคซีนเอง และราคาอาจสูงกว่าซื้อเอง
พูดแบบนี้ก็ดูเหมือนรัฐบาลไทยฉลาดที่สุดในโลกอยู่ประเทศเดียวอีกแล้ว เพราะ COVAX นั้นเขาตั้งขึ้นมาเพื่อรวมกลุ่มผู้ซื้อ มีประเทศที่เข้าร่วมจำนวนถึง 180 ประเทศ
ถ้าฟังเหตุผลของรัฐบาลท่านลองคิดดูว่า คนไปซื้อของด้วยกัน 180 คนกับไปซื้อคนเดียว ท่านว่า ใครจะต่อรองเงื่อนไข ต่อรองราคากับคนขายได้มากกว่า แต่รัฐบาลไทยบอกว่า ไปซื้อคนเดียวดีกว่า และที่บอกว่าราคาซื้อผ่าน COVAX อาจจะแพงกว่าซื้อเอง 

 
ลองไปดูราคาขาย covishield ของอินเดียซึ่งราคาแค่ 3-4 ดอลลาร์ และเขาก็ขายผ่าน COVAX ไปเปรียบเทียบกับที่ไทยซื้อ sinovac ของจีน 2 ล้านโด๊สราคา 1,300 ล้านบาท ท่านว่าอันไหนแพงกว่ากัน
การจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX หลักการเขาคือ เพิ่มอำนาจต่อรองทั้งในด้านจำนวนและราคา เพื่อมั่นใจว่าการกระจายวัคซีนจะเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และ เป็นหลักประกันว่า ทุกประเทศจะได้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันร่วมของโลกขึ้นมา
แต่มีประเทศที่ฉลาดที่สุดในโลกอยู่ประเทศเดียว ที่บอกว่า ซื้อเองคนเดียวถูกกว่า คล่องตัวกว่า แต่ปรากฎว่า เป็นประเทศที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในเรื่องวัคซีน
และได้ดีลพิเศษในการซื้อวัคซีนคือ ซื้อวัคซีนแล้วแถมนกเอี้ยงให้ด้วยทั้งรัฐบาลและกองเชียร์
เพื่อคนไทย……วัคซีนที่ซื้อมา 6,000 กว่าล้านบาท 26 ล้านโด๊ส ก็จะตก โด๊สละ 230 บาทกว่าๆ ในขณะที่ของอินเดียเป็นของ astra zeneca เหมือนกัน แต่เขาขายให้รัฐบาลอินเดียโด๊สละ 82 บาท

 

ถ้าเป็นตามที่อนุทินให้ข่าวครั้งล่าสุดว่า คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมิถุนายน 64 โดยเป็นวัคซีนที่ผลิตในไทยเพื่อคนไทย
นั่นก็แสดงว่า ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนกับคนไทยก่อนหน้านี้คือ โกหกคนไทยทั้งหมด
ผมเคยตั้งคำถามว่า ที่บอกว่าใช้งบประมาณ 6 พันกว่าล้านซื้อวัคซีน 26 ล้านโด๊สนั้นเป็นการซื้อตรงจาก astra zeneca หรือว่า ซื้อจาก AZ แต่มารับวัคซีนจากโรงงานสยามไบโอไซส์ที่ AZ จ้างผลิต
ถ้าดูจากข้อมูลที่อนุทินพูดคือ ฉีดในเดือนมิถุนายน เป็นวัคซีนที่ผลิตในไทยเพื่อคนไทย ก็สรุปได้เลยว่า ซื้อวัคซีนกับ astra zeneca แต่มารับวัคซีนที่ siam bioscience รับจ้างผลิตในเดือนมิถุนายน เพราะตอนนี้โรงงานผลิตยังผลิตไม่ได้ จะพร้อมก็เดือนพฤษภาคมโน่น
ถ้าสรุปจากข้อมูลได้แบบนี้ ผลที่ออกมาคือ
ราคาวัคซีนที่ซื้อมา 6,000 กว่าล้านบาท 26 ล้านโด๊ส ก็จะตก โด๊สละ 230 บาทกว่าๆ ในขณะที่ของอินเดียเป็นของ astra zeneca เหมือนกัน แต่เขาขายให้รัฐบาลอินเดียโด๊สละ 82 บาท
และนั่นคือรัฐบาลเอาเงิน 6,000 กว่าล้านซื้อวัคซีนเพื่อให้ siam bioscience ได้ดีลรับจ้างผลิตวัคซีน ซึ่งจะเป็น conflict of interest หรือไม่เป็นคำถามที่ต้องตอบ และ ทำสัญญาผูกพันกันไว้อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องเปิดเผย
เพราะรัฐใช้เงินไปกับกรณีนี้ถึง 6,000 กว่าล้าน ซึ่งเงินนี้เป็นภาษีของคนไทยทุกคน
ส่วนเรื่องวัคซีนผ่าน COVAX หรือวัคซีนของ AZ ที่จะมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์แล้วฉีดเป็นของขวัญวาเลนไทน์ โดยซื้อ 5 หมื่นโด๊สมาจากอิตาลี จนวันนี้ก็ยังไม่เห็น
ไปๆมาๆเรื่องวัคซีนที่เป็นเรื่องชีวิตและความเสี่ยงของคนไทย รัฐบาลนี้ยังทำให้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ เหมือนเห็นชีวิตชาวบ้านเป็นของเล่น และ ไม่คำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเขาได้วัคซีนกันทั้งโลก แต่ไทยเราล่าช้ามันจะกระทบกับเศรษฐกิจกับชาวบ้านตาดำๆขนาดไหน
เรื่องนี้ฝ่ายค้านต้องเอาไปอภิปรายชี้ให้เห็นชัดๆว่า ชีวิตชาวบ้านไม่มีค่าอะไรในสายตารัฐบาลประยุทธ์
 
นักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขเคยประเมินว่า การยิ่งได้รับวัคซีนล่าช้า สังคมไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคขึ้นมา ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นต่อเดือนตกอยู่ที่ประมาณเดือนละ 250,000 ล้านบาท เป็นค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ทั้งจากมาตรการของรัฐและความหวาดกลัวโรคจนกระทบต่อการทำมาหากิน
ถ้านับจากตอนนี้จนถึงเดือนมิถุนายนนั่นเท่ากับประเทศเราต้องเสียหายกับค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศถึงกว่า 1.25 ล้านล้านบาท
นี่ไม่นับรวมกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ประยุทธ์บริหารประเทศจนความเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศถดถอยลง
ถ้าไปเปรียบกับงบประมาณที่ใช้หมดไปนับ 20 ล้านล้านบาท และหนี้สาธารณะของประเทศที่จะเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านล้านบาทในปีงบประมาณ 2565
นั่นเท่ากับว่าประยุทธ์เป็นผู้บริหารที่ทำความฉิบหายให้กับประเทศและประชาชนเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนทำได้มาก่อน
อีกทั้งความเชื่อถือและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลประยุทธ์ ที่ตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่เลย อย่างการบริหารจัดการวัคซีนที่สุดท้ายก็คือ ต้องรอวัคซีนที่ Astra zeneca จ้าง siam bioscience ผลิตในเดือนมิถุนายน ทั้งที่ปฏิเสธคอเป็นเอ็นมาตั้งแต่ทีแรกว่า ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน
และเคยพากันยืนยันว่าจะได้วัคซีนเป็นของขวัญวาเลนไทน์ แต่สุดท้ายคือไม่จริงซักอย่าง
รัฐบาลที่บริหารแบบไม่เคยเห็นค่าชีวิตประชาชนแบบนี้ คนที่เชียร์และสนับสนุนอยู่ สมองและความคิดพวกเขามันเป็นยังไง