ในปี 2019 ตามทำเนียบปีนักษัตรจีน ตรงกับปีหมู หมูเป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมจีนมานาน ในทางภาษาศาสตร์ คำว่าหมูในภาษาจีนคือ จู (豬) หากถอดอักษรเอาเฉพาะตัวหน้ามาเทียบกับคำว่าบ้านหรือ เจีย (家) มันก็คือหมูมีหลังคานี่เอง นั่นหมายความว่าในสังคมจีนครอบครัวส่วนใหญ่เลี้ยงหมู เมนูอาหารจีนเกี่ยวกับหมูจึงมีมากมายและผูกพันกับวัฒนธรรมของชาติอย่างลึกซึ้ง
.
ด้วยความที่เป็นปศุสัตว์ในอุดมคติ หมูไม่ต้องการพื้นที่เลี้ยงดูมากมาย ไม่ต้องมีความสะดวกสบายหรือเงื่อนไขในการดำรงชีพมากนัก พวกมันกินได้หลากหลาย และมีอัตราการผลิตลูกต่อครอกเฉลี่ย 8 -12 ตัว นอกจากนั้น เหมาเจ๋อตุงยังเคยเรียกหมูว่า “โรงงานปุ๋ยคอก 4 ขา” หมูผลิตปุ๋ยชั้นดีสำหรับปลูกพืชและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้มากมาย
.
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมู ปัญหาใหญ่จึงเกิดขึ้น สองปีที่ผ่านมา หนึ่งในสามของจำนวนสุกรทั่วประเทศจีน ตายเพราะโรคอหิวาต์หมู ลามไปยังลาว เวียดนาม มองโกเลีย เกาหลีเหนือ สิ่งที่ดีอย่างเดียวของโรคนี้คือมันไม่ติดต่อกับคน ข่าวร้ายคือ มันคือ โรคอิโบลาเวอร์ชั่นหมู อหิวาต์แอฟริกันหมูนี้ ระบาดอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้างผ่านสารคัดหลั่งในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด น้ำลายของคนที่เป็นไข้ ไอ อาเจียน เมื่อหมูได้รับเชื้อโอกาสที่หมูจะตายคือ 80%
.
ผลของโรคระบาดทำให้ราคาเนื้อหมูในตลาดสดจีนเพิ่มขึ้นเท่าตัว บวกกับการประกาศสงครามการค้ากับประเทศที่ผลิตอาหารหมูส่งออกอย่างอเมริกายิ่งผลักดันให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปใหญ่ ราคาที่มากขึ้นของเนื้อหมูสะเทือนส่งผลสะท้อนต่อสังคมจีนในแบบที่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่อยากให้เกิด รัฐบาลจึงแก้ปัญหาการเอาสต๊อคหมูที่เก็บไว้ในคลังของประเทศมาใช้ ฟังไม่ผิดครับ ถ้าเป็นอเมริกาอาจจะมีคลังน้ำมันสำรอง ทองคำสำรอง แคนาดามีคลังไซรัปสำรอง แต่จีนมีการกักเก็บเนื้อหมูสำรองในประเทศผ่านโกดังแช่แข็งที่บริหารโดยรัฐบาล
.
ในทุกปีช่วงเทศกาล วันหยุดต่างๆที่คนหันมาท่องเที่ยวใช้จ่าย ปริมาณบริโภคหมูมากขึ้นดึงราคาให้สูง เมื่อราคาหมูในตลาดสูงขึ้น โกดังของรัฐเหล่านี้ก็จะปล่อยอุปทานจำนวนมหาศาลมาทุบตลาดให้ราคาตก ตัวเลขที่แท้จริงของเนื้อหมูที่กักเก็บไว้ ถือเป็นความลับของชาติ แต่ที่รัฐเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์นั้นมีราวๆ 5 แสนตัน นอกจากนั้นรัฐยังพยายามจัดการอีกหลายปัญหา เช่น เพาะพันธุ์หมูตัวยักษ์ที่ให้เนื้อเท่ากับหมูขนาดปกติ 3 ตัว ออกแคมเปญรณรงค์ลดการบริโภคหมู หันมากินเนื้อทดแทนอื่น เช่น เนื้อกระต่าย และตรากฎหมายให้บริโภคเนื้อหมาได้ไม่เฉพาะมณฑลกว่างสี แต่ทั่วประเทศ
.
จีนเป็นประเทศที่บริโภคหมูเป็นอันดับ 1 ของโลก สำหรับจีน หมูคือหนึ่งในดัชนีชี้วัดอันสำคัญของมาตรฐานการดำรงชีพ ในอดีตแม้ว่าทุกบ้านมีหมูแต่ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะได้กินหมูทุกวัน การล้มหมูถือเป็นโอกาสพิเศษที่เทศกาลจะกินซักครั้ง
.
จีนมีความหลังมากมายเมื่อครั้งเกิดสงคราม ผู้คนอดอยากหิวโหย ยุคที่คนกินเนื้อคนมีอยู่จริง อาหารขาดแคลนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันทำลายชาติได้จริง คนพันล้านของจีนไม่ได้กลัวฮ่องกงประกาศเอกราช ไม่ได้กลัวไต้หวันแข็งข้อ ไม่ได้กลัวอเมริกาจะแบน แต่กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่มีอาหารบริโภค นั่นเป็นความจริงที่น่ากลัว
.
"ถ้าอะไรซักอย่างจะทำลายประเทศจีนได้ สิ่งนั้นอาจจะเป็นโรคอหิวาต์หมูแอฟริกัน"
.
เนื้อหาส่วนหนึ่งจาก
https://edition.cnn.com/…/china-pork-swine-fever…/index.html