ญาติโยมถวายอาหารรสจัดผ่านการปรุง8ชม.คือระเบิดรอเวลาป่วย
สสส.ทำงานต้นแบบ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทั้งพระสงฆ์และญาติโยมฆราวาส
ให้ความรู้ทำบุญให้ได้บุญ
อาหารใส่บาตรพระต้องอุดมด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ไม่ใช่ผ่านการผลิตมานานกว่า 8 ชั่วโมง พระมากกว่า 50% ในกรุงเทพฯ
และเขตเมืองมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน แชมป์ 5 โรคยอดฮิตพระสงฆ์อาพาธ
ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคปอด หัวใจและหลอดเลือด
ปัญหาจากอาหารชุดใส่บาตรยอดนิยม ไขมันสูง กะทิเยอะ ผักและผลไม้น้อย
น้ำปานะรสหวาน แนะเมนูลดหวาน มัน เค็ม กะทิ
เพิ่มโปรตีนเมนูปลาให้โปรตีนและไขมันดี (โอเมกา 3)
ฉันผักพื้นบ้านหรือผักตามฤดูกาล ลดหวานในน้ำปานะ เพิ่มโปรตีนนมถั่วเหลือง
นมจืดชนิดไขมันต่ำ โยเกิร์ตแบบหวานน้อย
งานแถลงข่าวสงฆ์ไทยไกลโรค เข้าพรรษานี้อย่าลืมตักบาตร ถาม (สุขภาพ) พระ
วันอังคารที่ 4 ก.ค. หน้าห้องประชุมสานใจ 1/1
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ชั้น 6 โดย รศ.ดร.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช
ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนสงฆ์ไทยไกลโรค
เพื่อการดูแลโภชนาการพระสงฆ์ในระดับประเทศ
เรื่องสถานการณ์สุขภาวะพระสงฆ์ไทย พระราชวรมุนี
รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เรื่องไขข้อข้องใจ พระสงฆ์ออกกำลังกาย เลือกฉันอาหารได้หรือไม่
และแนวทางสร้างเสริมสุขภาพพระสงฆ์ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร
และแนวทางสร้างเสริมสุขภาพพระสงฆ์ไทย “พระ-หน่วยสุขภาพ-ฆราวาส”
จะหลอมรวมการทำงานอย่างไรให้พระสงฆ์สุขภาพดี-ถูกหลักธรรมวินัย โดย นพ.พลเดช
ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ บุญเชิด กิตติธรางกูร
ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์
ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร สสส. ทั้งนี้ สรวงมณฑ์
สิทธิสมาน
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother & Care เป็นผู้ดำเนินรายการ
ก่อนเวลาแถลงข่าวมีบรรยากาศน่าตื่นเต้น เมื่อหม้อแปลงระเบิดที่
กระทรวงสาธารณสุข ดังสนั่น ส่งผลมาถึง
อาคารสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
มีเจ้าหน้าที่บางคนติดอยู่ในลิฟต์แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
จากนั้นก็เปิดใช้ไฟฟ้าสำรองและย้ายห้องแถลงข่าวจากภายในห้องมาเป็นบริเวณหน้าห้องเดิม
สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother & Care
ดำเนินรายการว่า คนทำอะไรดีๆ ย่อมพบอุปสรรคเสมอ
ดังนั้นเข้าพรรษานี้อย่าลืมตักบาตรถาม (สุขภาพ) พระ? สสส.
มีภาคีเครือข่ายทำงานร่วมกัน สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
รศ.ดร.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช
ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนสงฆ์ไทยไกลโรคเพื่อการดูแลโภชนาการพระสงฆ์ในระดับประเทศ
(สสส.) กล่าวว่า การลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมีเรื่องตื่นเต้นมาก
อาหารที่ใส่บาตรพระตอนเช้าแม่ค้าตระเตรียมตั้งแต่กลางดึก ปรุงเสร็จช่วงตี 4
แพ็กลงถุง ญาติโยมมารับอาหาร มาถึงพระอาจารย์ในช่วง 7-8 โมงเช้าใช้เวลาถึง
8 ชั่วโมง พระสงฆ์ใน กทม.และในภาคอีสานที่โคราชพบว่าพระสงฆ์ใน
กทม.และในเขตเมืองกว่าครึ่งมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โดยเฉพาะพระสงฆ์ใน กทม.
48% ของกลุ่มตัวอย่างอ้วนลงพุงมากกว่าชายใน กทม. (39%) และชายทั่วประเทศ
(28%) ทั้งยังเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังสำคัญ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคปอด หัวใจและหลอดเลือด
ผลจากการเก็บข้อมูลพระสงฆ์ในอีสานที่อยู่ในเขตเมืองเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินสูงกว่าในเขตนอกเมือง
เนื่องจากอาหารใส่บาตรที่มีโปรตีนต่ำหรือได้รับเพียง 60%
ของปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับ ปริมาณใยอาหารมีระดับต่ำ
จึงชดเชยด้วยการดื่มน้ำปานะที่มีน้ำตาลสูงถึง 7 ช้อนชาต่อวัน
“มีข้อชวนคิดถึงโภชนาการมีผลกระทบยิ่งใหญ่
สสส.ประชุมสุขภาวะพระสงฆ์เป็นเรื่องด่วน เสมือนหนึ่งเป็นระเบิดที่รอเวลา
ทั้งนี้ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เพื่อออกแบบชุดความรู้สงฆ์ไทยไกลโรคในการให้ความรู้ความเข้าใจถึงการสร้างเสริมสุขภาพของพระสงฆ์”
อาหารส่วนใหญ่ที่นำมาถวายพระเป็นอาหารชุด
ด้วยการเลือกเมนูที่ผู้ล่วงลับชอบบริโภค เมนูหลักคือ ไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน
หมูทอด ขนมหวาน ทำให้พระสงฆ์จำเป็นต้องฉันเพื่อให้ญาติโยมได้บุญ
ไม่เสียศรัทธา
อีกทั้งยังพบว่าพระสงฆ์ออกกำลังกายน้อยเพราะกลัวผิดพระธรรมวินัย
แต่ละวันพระสงฆ์เดินเบา 30 นาที ซึ่งน้อยกว่าชายไทยที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่
100 นาที พระสงฆ์ขาดการบริโภคอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ
ขาดการตรวจสุขภาพประจำปี มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย
“อาหารที่ญาติโยมใส่บาตรอยากทำบุญให้คนที่เรารักที่จากไปแล้ว
แกงกะทิจัดเต็ม แต่เราไม่ได้มองว่าพระสงฆ์เลือกฉันไม่ได้
ย่อมส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย” สรวงมณฑ์ เปิดประเด็นเพื่อให้ พระราชวรมุนี
ไขคำตอบนี้ พระราชวรมุนี รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า
ถึงแม้อาหารบิณฑบาตจะเลือกไม่ได้
แต่พิจารณาฉันอาหารที่ดีต่อร่างกายได้โดยพระธรรมวินัย
พระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ฉันอาหารพอสมควร
พระสงฆ์ไม่สามารถออกกำลังกายเหมือนฆราวาสที่เข้าโรงยิมฟิตเนส
เพราะพระภิกษุต้องประพฤติตนสำรวม
โดยเฉพาะในละแวกบ้านหรือเขตชุมชนตามหลักเสขิยวัตร
แต่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ปฏิบัติหลักกิจวัตร 10 ประการ
ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้อานิสงส์ การเดินบิณฑบาต กวาดลานวัด
ทำความสะอาดวัด เดินจงกรม ตัดต้นไม้ รดน้ำต้นไม้เพื่อขยับร่างกาย
การแกว่งแขนลดพุงลดโรคในพื้นที่วัด
ในช่วงจำพรรษาจึงอยากให้พระสงฆ์หันมาดูแลสิ่งของภายในวัดซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายในลักษณะการทำความสะอาด
“พระสงฆ์คือประชาชนคนหนึ่งของประเทศชาติ เมื่อพระสงฆ์มีปัญหาสุขภาพ
เป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องรับผิดชอบ เป็นวัฏจักรที่รัฐบาลสร้างโรงพยาบาลสงฆ์
ยิ่งพระสงฆ์อาพาธทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ก็ย่อมไม่พ้นความรับผิดชอบถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไข
ถ้าถามว่าอาหารที่โยมนำมาถวายพระ พระสงฆ์ก็ควรรับ ไม่ควรปฏิเสธ
มิฉะนั้นจะเป็นการเสียศรัทธา
แต่เมื่อรับบาตรมาแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะฉันหรือไม่ฉันก็ได้เรียกว่าพิจารณา
อาหารที่มีประโยชน์ก็ฉันเยอะหน่อย
ถ้าไม่มีประโยชน์ส่งผลกระทบต่อร่างกายก็ฉันน้อยหน่อย
ถ้าพระสงฆ์อาพาธก็ต้องปฏิเสธอย่างนิ่มนวลว่าบาตรเต็มแล้วให้ญาติโยมถวายพระองค์อื่น
ปกติพระสงฆ์รับบาตรไม่เกิน 3 บาตร
ถ้ามากกว่านั้นเป็นอาบัติก็ต้องปลงอาบัติ แต่ก็ไม่ควรทำผิดบ่อยๆ
อาหารที่นำมาใส่บาตรพระสามารถบริจาคต่อให้ศูนย์เด็กยากไร้ ศูนย์เด็กกำพร้า”
พระราชวรมุนี กล่าว พร้อมแสดงกิจกรรมที่พระสงฆ์ออกกำลังกายได้ เดินบิณฑบาต
เดินในวัด-เดินจงกรม กวาดลานวัด แกว่งแขน “ลดพุงลดโรค” ซักผ้าตากผ้า
งานสาธารณูปการในวัด ตัดต้นไม้ เทปูน เลื่อยไม้
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า
ด้วยสุขภาวะของพระสงฆ์ เครือข่ายสถาบันองค์กร หน่วยงานต่างๆ
ริเริ่มนำสู่กระบวนการสมัชชาสุขภาพ
ด้วยฉันทามติของสังคมเป็นสิ่งดีที่ควรทำด้วยกัน
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเป็นพื้นที่กลางนำมติเข้าสู่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ครม. เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ เดินหน้าต่อ
มหาเถรสมาคมนำเข้าไปเป็นมติเพื่อให้ทางศาสนจักรจัดเรื่องนี้ขึ้นมา
การทำบุญสุนทานเป็นเรื่องดี ผสมผสานระหว่างพระธรรมวินัย กฎกติกาสังคม
ฆราวาส ความรู้ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การป้องกันโรค
นำความรู้ด้านสุขภาพสาธารณสุขการป้องกันโรค ด้วยบทบาทพระสงฆ์เป็นผู้นำสังคม
ความคิด ศีลธรรมให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพ
ด้วยมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติส่งผลให้มติมหาเถรสมาคมเรื่องพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะขับเคลื่อนพัฒนาธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ
เพื่อเป็นเครื่องมือปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ ฆราวาส
หน่วยบริการสุขภาพสนใจการสร้างเสริมสุขภาพที่นำหลักพระธรรมวินัยเป็นตัวนำ
ใช้ความรู้ทางสุขภาพเป็นตัวเสริม ทั้งนี้พระสงฆ์สร้างเสริมดูแลสุขภาพตนเอง
ฆราวาส
ชุมชนและบุคลากรทางสุขภาพมีข้อปฏิบัติในการดูแลสุขภาพพระสงฆ์อย่างเหมาะสมตามหลักพระธรรมวินัย
อีกทั้งบทบาทพระสงฆ์ในการเป็นผู้นำของชุมชนด้านสุขภาพ
สช.จะร่วมสนับสนุนการจัดทำและขับเคลื่อนธรรมนูญฯ ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม
ทั้งนี้ในเดือน ส.ค.-ก.ย.
เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ
ก่อนเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อเห็นชอบ
และประกาศให้ภาคีเครือข่ายรับทราบในสมัชชาสุขภาพครั้งที่ 10 ในเดือน
ธ.ค.นี้
บุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การตักบาตรอย่าถามพระ
เพราะพระคุณเจ้าไม่สามารถบอกว่าฉันทุเรียน ลำไย
จึงเกิดปรากฏการณ์ใส่ไปเถอะท่านฉันทุกอย่าง เป็นความคิดความเชื่อดั้งเดิม
เราคิดถึงใครฝันถึงก็ใส่บาตรอุทิศไปให้คนนั้น พระเสมือนเป็นไปรษณีย์
พระก็รับบาตรอย่างเสียไม่ได้ ฉันตามที่ญาติโยมให้มา
สุขภาพพระสงฆ์ก็ป่วยไข้เป็นโรคไต
ดังนั้นจำเป็นต้องให้ความรู้กับพระสงฆ์และญาติโยมที่ใส่บาตร
พิจารณาฉันอาหาร ถ้าพระอาพาธก็สวดมนต์ไม่ได้
ควรรู้เรื่องสุขภาวะและออกกำลังกาย
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
จากการตรวจร่างกายพระสงฆ์ขณะนี้มีพระสงฆ์อาพาธ 100,000 รูป หรือ 45%
จากจำนวนพระสงฆ์กว่า 300,000 รูป เสี่ยงป่วย 25% สุขภาพดี 40%
การอาพาธส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการบริโภค
เป็นเพราะญาติโยมขาดองค์ความรู้ระบบบริการสุขภาพ
ขณะเดียวกันก็ต้องจัดองค์ความรู้พระสงฆ์
การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย
การตรวจสุขภาพพระสงฆ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทำให้สงฆ์ไทยห่างไกลโรค
นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร
สสส. กล่าวว่า
สสส.มีตัวอย่างการทำงานที่เป็นรูปธรรมเชิงพื้นที่และทำงานเชิงรุกในมหาวิทยาลัยสงฆ์
ด้วยการทำงานร่วมกับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ให้พระนิสิตมีความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพระในฐานะนักสร้างเสริมสุขภาพ (Health Promoter)
ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของคณะสงฆ์เพื่อเป็นแกนนำเสริมสร้างสุขภาวะตามแนวพระพุทธศาสนา
ปัจจุบันพื้นที่เรียนรู้ระหว่างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและคณะสงฆ์
20 จังหวัด
ทำให้เกิดชุดความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาพของพระสงฆ์ที่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย
กลุ่มพระสังฆะในการจัดการความรู้ให้ฆราวาสเรื่องสุขภาวะพระสงฆ์
ผ่านโครงการสร้างพระธรรมทายาทนักพัฒนาสร้างเสริมสังคมสุขภาวะ
อนึ่ง
ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ได้มีการจัดเมนูอาหารใส่บาตรแนะนำที่ดีต่อสุขภาพพระสงฆ์
น้ำพริกผักสด ไข่ต้ม แกงคั่วผักบุ้ง ผัดเห็ดหูหนู แอนลีน 2 กล่อง โยเกิร์ต
ฝรั่ง ผลไม้หลากหลาย ส่วนอาหารใส่บาตรยอดฮิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพพระ
ไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน ฟักทองแกงบวด ฯลฯ ขณะเดียวกันทาง
สสส.ได้จัดทำเอกสารคู่มือความรู้ในการบริโภคอาหารแจก
ทั้งนี้พระสงฆ์จะได้ศึกษาแล้วนำไปชี้แจงบอกเล่าให้ญาติโยมได้ปฏิบัติด้วย.
cr:.thaipost.net