5 เทคนิคง่ายๆ เพื่อ เบลซเซอร์ สุดเพอร์เฟค
ก่อนอื่นต้องขออธิบายความแตกต่างระหว่าง เบลซเซอร์ (Blazer) และสูทแจ๊คเก็ต (Suit Jacket) หรือที่คนไทยเรียกกันง่ายๆว่าสูท ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของสองสิ่งนี้คือ เบลซเซอร์ ไม่จำเป็นต้องใส่จับคู่เหมือนกางเกง หรือกระโปรง นอกจากนี้ยังมาด้วยสีสันจิ๊ดจ๊าดมากกว่าสูท แน่นอนอยู่แล้วว่าสาวๆ working women สมัยนี้ก็มีการแต่งตัวให้ออกมาในลุคทางการ หรือลุค Professional นั่นเอง การหยิบเอา เบลซเซอร์ มาสวมใส่ช่วยเพิ่มให้คุณดูเป็นทางการแบบมีสไตล์ ว่ากันว่าใครเกิดใครตายที่นี่ที่เดียว หากเลือก เบลซเซอร์ ไม่เหมาะกับตัวเองนั้น จากสาวมั่นสุดเก๋จะกลายเป็นคุณป้าสุดเนี๊ยบแทน มาดู 5 เทคนิคง่ายๆ ให้ Style never dies
ขนาดต้องพอดีตัว
ควรเลือก เบลซเซอร์ ที่พอดีกับรูปร่างของคุณ ลองทำท่าเหมือนว่ากอดใครสักคนดู ถ้าไม่อึดอัดก็ถือให้ว่าผ่าน เคล็ดลับที่สำคัญอีกประการคือความยาวของแขนเสื้อต้องพอดีกับข้อมือของคุณ และเมื่อติดกระดุมแล้ว คุณสามารถขยับได้อย่างสบาย
หลีกเลี่ยงลายขวาง
สำหรับสาวอวบ อาจจะเป็นโอกาสที่ดีเนื่องจากช่วยพรางหุ่น คุณสามารถเลือก ลายทางเพื่อให้คุณดูเพรียวขึ้น ถ้าคุณชอบลายปริ้นมากๆ แนะนำว่าควรเลือกสไตล์ที่ เรียบเข้าไว้ ปลอดภัยไว้ก่อน

สำหรับใส่ในออฟฟิต
เพื่อให้ได้ลุคมืออาชีพ ควรเลือกดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย หลีกเลี่ยงสันสันจัดจ้าน ทุกอย่างดูซอฟเมื่อเป็นสีพาสเทลหรือ สีนู้ด มันทำให้คุณดูอ่อนหวานขึ้นจริงๆนะ


ความยาวที่พอเหมาะ
ความยาวของ เบลซเซอร์ นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเม็ดกระดุม ถ้าคุณแมตกับกระโปรงตัวสั้นควรใส่ เบลซเซอร์ แบบสั้น ความยาวที่พอเหมาะคือ 2 นิ้วจากสะดือของคุณ หากคุณแมตกับกางเกงตัวยาว เลือกเบลซเซอร์ แบบยาวโดยเลือกสวมตัวที่มีความยาวสูงกว่าเป้ากางเกงประมาณ 2 นิ้วเช่นกัน
เก๋ได้แต่อย่าเยอะ
แน่นอนอยู่แล้วว่าแฟชั่นสมัยนี้มีเข้ามาเรื่อยๆ มีการดีไซน์เบลซเซอร์มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจครอบครองสักตัว คุณควรพิจาราณาแบรนด์ คุณภาพ การตัดเย็บลักษณะของกระดุม ขนาดของกระเป๋าให้ถี่ถ้วน เพื่อให้คุณสามารถใส่ได้ในทุกๆอีเวนจ์อย่างมั่นใจ

 cr.stylefiles.reebonz.