หลายคนคิดว่าขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ เรียกประกันมา ใบขับขี่ไม่มีทำไงดี บางคนยัดเงินพนักงานเครม บางคนเปลี่ยนคนขับ
ผมอยากชี้แจงให้ทราบว่าใบขับขี่จำเป็นต้องมีในกรณีเดียวคือเมื่อเกิดเหตุ
แล้วรถเจ้าของประกันภัยต้องการซ่อมรถตัวเอง นอกนั้นไม่ต้องใช้
อาจไม่เห็นภาพนะครับลองมาดูกันต่อ
*** รถมีปะะกันชั้น 1 แล้ว ไปชนรถหรือทรัพย์สินคนอื่น ไม่ว่าอะไรก็ตาม
ประกันจะต้องรับผิดชอบคู่กรณีแทนท่านทุกกรณี ไม่ว่าท่านจะชนรถ ชนรั้วบ้าน
ชนคน ชนอะไรก็ได้ที่เป็นทรัพย์สินของคนอื่น ไม่ว่าท่านจะมีใบขับขี่หรือไม่
ประกันต้องจ่ายหมด สิ่งที่แตกต่างระหว่าง มี กับไม่มี ใบขับขี่คือ
1. ถ้าท่านไม่มีใบขับขี่ประกันจะไม่ซ่อมรถให้ท่านแค่นั้น
ถ้าท่านขับรถไปชนท้ายเค้า แล้วมีใบขับขี่ประกันจะซ่อมรถให้ทั้ง 2 คัน
แต่ถ้าไม่มีประกันจะซ่อมแต่รถคู่กรณีไม่ซ่อมรถท่าน กรณีที่ท่านเปิดเคลมแห้ง
(ไม่มีคู่กรณี) ท่านที่มีชั้น 1 อยู่ อย่าปล่อยสิทธิให้เสียไป
หากรถมีรอยขีดข่วน สะเก็ดหิน อยากได้สีใหม่ เพียงแค่ใช้บุคคลที่มีใบขับขี่
โทรแจ้งขอเคลมสีของท่านได้ *** รถมีประกันชั้น 2 -3 ธรรมดา ไม่ต้องกังวลใดๆ
ท่านจะขับชนอะไรก็ตาม ไม่ต้องมีใบขับขี่ประกันต้องรับผิดชอบหมด ยกเว้นชั้น
2 กรณีรถหายหรือไฟไหม้จำเป็นต้องมี*** รถที่มีประกันชั้น 2-3 พลัส หรือ
ประเภท 5 ลักษณะเดียวกับประกันชั้น 1 แต่จะแตกต่างตรงที่จะต้องเป็นรถชนรถ
รถที่มีป้ายทะเบียนเท่านั้น จักรยาน ซาเล้ง ไม่เกี่ยว รถชนรถ
มีใบขับขี่ก็ซ่อมทั้งคู่ ไม่มีก็ซ่อมเฉพาะทรัพย์ที่เราชน
2. เมาสุรากับประกันภัย ไม่ต้องกังวลใดๆครับ เงื่อนไข ของประกันภัย
จะไม่รับผิดชอบให้ท่านต่อเมื่อท่านเมาในระดับแอลกอออล์เกิน 150
เพราะฉนั้นท่าท่านเมาไม่มากสิ่งที่ระวังคือตำรวจ
พยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นโรงพัก การเป่าอลกอฮอล์ เมื่อเกิดเหตุ
รุนแรงขนาดเข้าโรงบาล อย่าให้พยาบาลเจาะเลือดท่าน
ถ้าไม่มีหลักฐานการตรวจประกันต้องจ่ายสถานเดียว จำไว้ถ้าท่าน
ไม่เมาจนเกินลิมิตประกันจ่ายคุณแน่แต่ระวังข้อหาเมาแล้วขับก็พอ
(ผมเคยเมาแล้วโดนเป่า ออกมาได้ 187 เรียกว่าขับรถไม่ได้แล้วครับ)
ใบขับขี่ไม่ต้องซีเรียส โดนจับก็แค่ปรับ
3. โดนชนแล้วหนีท่านที่มีประกันชั้น 1 หรือ 2–3 พลัส
หากโดนชนแล้วหนีท่านต้องจำทะเบียนรถคันนั้นให้ได้ แล้วเตรียมใบขับขี่
ถ้าไม่มี ให้หาคนมีใบขับขี่เอาไว้แล้วไปแจ้งความที่ สน ท้องที่นั้น
นำใบแจ้งความมาแล้วโทรแจ้งประกัน ประกันจะส่งพนักงาน เครมมาเครมให้
ถ้าท่านไม่ทราบเลขทะเบียนของคนที่ชนท่าน สำหรับประกันชั้น 1
ให้แจ้งเป็นชนโน่นชนนี่ไม่มีคู่กรณี ตามสภาพบาดแผลที่น่าจะเป็น สำหรับ 2-3
พลัส …. อดไป
4. เลขทะเบียน เลขเครื่อง สีรถ ภาษีขาด
อธิบายสั้นๆง่ายๆว่าประกันยึดถือเลขตัวถังรถเป็นหลัก ไม่ว่าป้ายไม่ตรง
เลขเครื่องไม่ตรง สีไม่ตรง ภาษีขาดต่อ ไม่เกี่ยวข้อง กับประกันภัย
ไม่ต้องซีเรียส ไม่ต้องกลัวประกันไม่จ่าย หากเลขตัวรถท่านตรงเป็นอัน แฮปปี้
ยกเว้นกรณีที่ประกันหาเลข ตัวถังรถท่านไม่เจอ
ประกันอาจขูดเลขเครื่องของท่านแทน
5. ใบขับขี่โดนยึด หมดอายุ หายหากใบขับขี่โดนยึดให้แสดงใบสั่งแทน
ประกันยึดถือแค่ว่าจะไม่คุ้มครองผู้ที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาติ เท่านั้น
หากหมดอายุก็แสดงไปใช้ได้ไม่มีปัญหา หากโดนยึดก็แสดงใบสั่ง
หากหายถ้ามีสำเนาก็แสดงสำเนาหรือหากไม่มีในวันนั้นในวันที่เอารถเข้าซ่อมก็
เตรียมไปด้วยไม่งั้นอดซ่อม
และหากหายและไม่มีสำเนาก็ไปทำมาซะแต่ตอนเกิดเหตุต้องแจ้งว่ามีไว้ก่อน
ไม่ได้เอามาหรืออะไรก็ว่าไป มีเวลาเรื่อยๆจนกว่าท่านเอารถเข้าซ่อม
6.เวลาเกิดเหตุกลางถนนหากตกลงกันได้ว่าใครผิดใครถูก คนผิดยอมรับผิด
ให้เคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุทันที อย่าไปจอดเกะกะชาวบ้าน
ไม่จำเป็นต้องรอประกันมาถึง หากไม่รู้ใครผิดให้ตำรวจตัดสินแล้วย้ายรถออกได้
หรือไม่มีตำรวจหากบังเอิญพกสีสเปร์มา ให้พ่นตำแหน่งที่ล้อทั้ง 2 คัน
และบริเวณหน้า+ท้าย+ข้างของรถทั้ง 2 คัน ไม่จำเป็นต้องไปโรงพักหากคุยกันได้
ยกเว้นการชนที่มีคู่กรณีมากกว่า 2 คัน ถึงต้องไปโรงพัก
และคนที่ผิดต้องโดนปรับข้อหาขับรถโดยประมาท
7. ช่วงล่างกระแทกพัง แมกซ์ดุ้ง ยางระเบิด และ
อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ประกันชั้น 1 ต้องจ่ายให้ท่านทุกกรณีแต่ต้องมีใบขับขี่
หากท่านมีอุปกรณ์ตกแต่งราคาแพงต้องการคุ้มครองกรณีสูญหายให้ท่านเตรียมใบ
เสร็จจากที่ร้านที่ท่านติดตั้ง เช่น แมกซ์ เครื่องเสียง
แล้วโทรสอบถามเงื่อนไขการประกันภัย
ให้ประกันเพิ่มสลักหลังคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งนั้นๆ
ประกันจะคิดเบี้ยท่านเพิ่มแต่ไม่มาก แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องหายก็ไม่ต้อง
เพราะหากแค่เสียหายก็ยังเหลือซากให้เห็นอยู่แล้ว
ยางที่ถูกกระแทกจนระเบิดประกันจะจ่ายครึ่งเดียวครับ พวกยางแพงๆขอบ 19-20
ก็จัดไปส่วนที่เป็น 2-3 พลัส อดครับ
เว้นแต่ความเสียหายนั้นสืบเนื่องมากจากการชนกับของรถที่มีทะเบียน -เช่น
รถท่านโดนปาดหน้าจนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ตกคลอง กระแทกฟุตบาต
แบบนี้ประกันก็ต้องวซ่อมให้ท่านครับไม่ใช่แค่แผลที่เกิดจากการปะทะระหว่างรถ
กับรถ
8.ชั้น1เคลมสีรถแล้วจะเปลี่ยนสีสามารถทำได้ครับโดยให้แจ้งประกันว่าจะ
เปลี่ยนสี ประกันยึดหลักการว่า เกิดเหตุจริง ซ่อมจริง
หากคุณจะเปลี่ยนสีก็ไม่ใช่ปัญหา
9.เคลมอะไหล่แล้วอยากเปลี่ยนเป็นอะไหล่แต่งสามารถทำได้ครับ เช่น ไฟหน้า
ไฟท้าย กันชน สเกิร์ต โดยการเพิ่มเงิน ส่วนต่าง ถ้าอู่นั้นโอเคกับท่าน
หรือมีอู่ที่ใช้ประจำก็ให้อู่ทำใบเสนอราคาแล้วนำรถไปที่บริษัทเพื่อคุมราคา
(ตกลงราคา) แล้วก็จัดซ่อมเอง ทีนี้จะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนโลด
เสร็จแล้วประกันจะโอนเงินค่าซ่อมคืนให้กับท่าน
10.ทุกครั้งที่รับใบแจ้งความเสียหาย หรือใบเคลม
ท่านต้องตรวจสอบความเสียหายให้ตรงตามจำนวนชิ้นให้แน่นอนก่อนเซ็นรับ
ผิดถูกให้แย้งและแก้ไขในรายการทันที
ไม่งั้นส่วนที่ไม่ได้ลงท่านต้องซ่อมเองนะ
ในกรณีที่ในชิ้นนั้นมีบาดแผลมาก่อนไม่เกี่ยวกับเหตุครั้งนั้น
ประกันจะวงเล็บว่า (แผลเก่า)
แปลว่าประกันจะให้ครึ่งราคาเพราะชิ้นส่วนนั้นไม่สมูรณ์ประกันจะไม่รับผิดชอบ
เต็มท่านต้องร่วมจ่ายด้วย
ที่มา ::share-si.com